วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2564

ปัญญาประดิษฐ์ (AI)กับงานอื่นๆ

ด้านคัดเลือกแรงงาน 

ตลาดแรงงานปี 2564 องค์กรต่างๆจำเป็นต้องนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปช่วยในการเฟ้นหาผู้สมัครที่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน AI จะช่วยให้แผนกทรัพยากรบุคคลทำงานเชิงรุกในการจ้างงานได้มากขึ้น และช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ว่าผู้สมัครใดเข้ากันได้กับวัฒนธรรมองค์กรของบริษัทด้วยการใช้ข้อมูลเพื่อวัดคุณภาพของการจ้างงานแต่ละครั้ง นวัตกรรมต่างๆ เช่น ซอฟต์แวร์ในการคัดกรองอัจฉริยะที่สามารถคัดกรองใบสมัครได้แบบอัตโนมัติ แชตบอทที่ทำหน้าที่เป็นผู้สรรหาพนักงานที่สามารถนัดหมายกับผู้สมัครได้แบบเรียลไทม์ และการสัมภาษณ์แบบดิจิทัลที่ทำผ่านออนไลน์ ซึ่งช่วยให้สามารถประเมินความเหมาะสมของผู้สมัครแต่ละรายได้ จะเริ่มกลายเป็นวิธีการทำงานปกติของแผนกทรัพยากรบุคคล AI ยังมีศักยภาพสูงมากในการสร้างเวิร์กสเปซที่หลากหลายและครบวงจร สามารถลดอคติ และเพิ่มความเป็นกลางในการตัดสินใจเรื่องการจ้างงานผ่านอัลกอริทึ่มต่างๆที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะแยกแยะคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันของผู้สมัครแต่ละคนออกมาให้เห็น นอกจากนั้น การใช้ AI ในการดูแลสุขภาพจะกลายเป็นภารกิจสำคัญ โดยตลอดปี 2564 จะมีการนำ AI ไปใช้กับการดูแลสุขภาพในหลายด้านอย่างรวดเร็ว การใช้แมชชีนเลิร์นนิ่งกับชุดข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้แบบเรียลไทม์ จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพสามารถติดตามการสัมผัสระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อได้อย่างละเอียด, ช่วย ให้การวินิจฉัยแม่นยำ, ใช้การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ต่างๆ ให้เป็นประโยชน์ในการติดตามอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (personal protective equipment : PPE), จัดสรรบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านกระบวนการบริหารสินค้า

ซัพพลายเชน (กระบวนการตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ ผลิต จัดเก็บ จนถึงการจัดส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือลูกค้า) จะกลายเป็นระบบดิจิทัลอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงทำให้ดิจิทัลซัพพลายเชนพัฒนาอย่างรวดเร็วในปี 2564 มุมมองเดิมๆของผู้รับผิดชอบด้านซัพพลายเชนที่เกี่ยวกับดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันคือ เน้นไปที่เรื่องของประสิทธิภาพและค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันจะเปลี่ยนไปเน้นในเรื่องของความคล่องตัวและความยืดหยุ่น และนั่นคือจุดที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง ดิจิทัลซัพพลายเชนจะช่วยให้ธุรกิจหนึ่งๆที่ประกอบด้วยองค์กรหลายแห่งทำงานร่วมกัน (multi-enterprise) สามารถเห็นและรับรู้ความเป็นไปในการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ สามารถวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ได้ดีขึ้น และใช้ระบบอัตโนมัติที่ชาญฉลาดได้มากขึ้น ผู้รับผิดชอบด้านซัพพลายเชนจะสามารถปรับและใส่ความยืดหยุ่นให้กับระบบซัพพลายเชนของตนได้ตามความต้องการของตลาด และใช้ระบบนิเวศด้านพันธมิตรให้เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น เครื่องมือดิจิทัลต่างๆเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีที่ผสานระหว่างโลกความจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน (AR) และการทำงานอัตโนมัติด้วยหุ่นยนต์ที่มนุษย์เป็นผู้ออกแบบกระบวนการและขั้นตอน รวมถึงการตัดสินใจต่างๆ (robotic process automation : RPA) และคาดว่าจะยกระดับศักยภาพที่มีและนำไปสู่สินค้าและบริการใหม่ๆ ที่น่าสนใจและมีอิทธิพลต่อลูกค้าเป็นอย่างมาก

ด้านกลั่นกรองจากข้อมูลดิบ

เทคโนโลยีเครือข่ายขั้นสูง ระบบไร้สายรุ่นอนาคต เทคโนโลยี AI และอื่นๆ ทำให้วิสัยทัศน์ในเรื่องนี้กลายเป็นความจริง  ยิ่งไปกว่านั้น เซ็นเซอร์อัจฉริยะที่มีราคาถูกจะถูกติดตั้งใช้งานในทุกๆ ที่ และเราจะสามารถติดต่อสื่อสารกับโลกของเรา เครื่องจักรต่างๆ และผู้คนทั่วโลกในรูปแบบที่แปลกใหม่สถานที่ทำงานคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด  ข้อมูลเชิงลึกที่กลั่นกรองจากข้อมูลดิบที่ได้รับจากเซ็นเซอร์จะช่วยให้องค์กรสามารถจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อสุขภาพ และเมื่อผนวกรวมเข้ากับ Wi-Fiและเทคโนโลยีการระบุตำแหน่งที่ตั้ง และเชื่อมโยงเข้ากับแพลตฟอร์มสำหรับการทำงานร่วมกันอย่างเช่น Webex ก็จะสามารถระบุพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นมากเกินไป หรือพื้นที่ที่มีการใช้งานน้อยเกินไป ทั้งยังสามารถตรวจสอบควบคุมสภาวะต่างๆ เช่น อุณหภูมิห้อง ความชื้น คุณภาพของอากาศ และแสงสว่างอย่างไรก็ดี เซ็นเซอร์มีศักยภาพที่มากกว่านั้น  ตัวอย่างเช่น เซ็นเซอร์ที่ใช้ในการแข่งกีฬาจะแจ้งเตือนเกี่ยวกับการชนกระแทกของนักกีฬา และมีเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับความเหนื่อยล้าของพนักงานในสภาพแวดล้อมการทำงานที่อาจเป็นอันตรายข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกเก็บรวบรวมและแปรเปลี่ยนเป็นข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ที่สามารถนำไปใช้งานได้ในทางปฏิบัติ โดย AI จะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในการรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยให้เราตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น 

ด้านระบบรักษาความปลอดภัย

ระบบคลาวด์และโมบิลิตี้มีความสำคัญอย่างมากต่อความคล่องตัวในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องขององค์กรต่างๆ ในช่วงปี 2563  แต่เนื่องจากมีพนักงานจำนวนมากที่ทำงานกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ และมีอุปกรณ์มากมายที่เชื่อมต่อกับระบบคลาวด์หลายๆ ระบบ ดังนั้นขอบเขตพื้นที่ของการรักษาความปลอดภัยจึงค่อยๆ พร่าเลือน และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตอบสนองอย่างฉับไวและทันท่วงทีต่อภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องอาศัยระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และง่ายต่อการใช้งานและตรวจสอบ  รายงานผลลัพธ์ด้านความปลอดภัยประจำปี 2564(2021 Security Outcomes Study) ของซิสโก้ระบุว่า ชุดเทคโนโลยีที่มีการบูรณาการอย่างเหมาะสมคือปัจจัยสำคัญที่สุดต่อความสำเร็จ

ปัจจุบันมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว มีการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเพื่อปรับปรุงองค์กรให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ตอบสนองได้อย่างฉับไว และพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ สุดท้ายก็ควรมีการปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกด้วยเช่นกัน

** ref;moneyandbanking.co.th/article , thairath.co.th/lifestyle