คนในโลกยุคปัจจุบันนี้ หวาดกลัวการมาถึงของ Automation Era (ยุคของระบบอัตโนมัติ) สาเหตุหนึ่งเป็น เพราะตัวอย่างที่มีให้เห็นมากมายของโลกธุรกิจในปัจจุบัน เช่น Blockbuster Video ซึ่งเคยมีพนักงาน 60,000 คน และสาขาอีกกว่า 9,000 สาขา ถูกแทนที่ด้วย Netflix กับ Redbox Kiosks ซึ่งมีพนักงานแค่ 2,450 คนเท่านั้น เนื่องจากการทำระบบอัตโนมัตินี้ ไม่ต้องการวันหยุดพักผ่อน ไม่ต้องการสวัสดิการ และบริหารจัดการง่ายเพราะไม่ตั้งคำถามอะไร ต้นทุนทางธุรกิจก็จะลดลงไปเป็นอย่างมาก
ผู้บริหารของบริษัทหลายๆที่จึงมีแนวคิดที่จะลดแรงงานคน และแทนที่ด้วยเครื่องจักรแทนให้มากที่สุด เช่น Henry Ford ผู้ก่อตั้งบริษัท Ford Motor ได้เคยแสดงเจตนารมณ์ว่า เขาไม่ต้องการความคิดสร้างสรรค์หรือการตัดสินใจของคน เขาต้องการแค่ให้คนทำทำทำ ในสิ่งที่เขาต้องการโดยไม่ตั้งคำถามเท่านั้น (นั่นก็คือการทำงานแบบเครื่องจักรนั้นเอง)
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยชื่อดัง Gartner Group ก็มีการพยากรณ์ออกมาในแนวทางเดียวกัน คือ ภายในปี 2025 (พ.ศ. 2568) หนึ่งในสามของงานในปัจจุบันจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ หรือ Robot และภายในปี 2040 (พ.ศ. 2573) กว่า 90%ของงานทั้งหมดในปัจจุบัน จะถูกแทนที่โดย Smart Machine
นอกจากนั้น Dr.David Autor อาจาร์ยจากมหาวิทยาลัย MIT ซึ่งศึกษาและติดตามผล กระทบของเครื่องจักรอัตโนมัติ กับตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด ได้ออกมากล่าวว่า เทคโนโลยีทำให้ตลาดต้องการแรงงานที่มีฝีมือมากขึ้น ผนวกกับถ้าเราใช้ประโยชน์จากเครื่องจักรมากขึ้น ก็จะทำ ให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์สูงสุด เพราะถ้างานที่ยากๆ หากไม่มีเครื่องจักรเข้ามาช่วยแล้วละก็ ลำพังแรงงานคนอย่างเดียวก็ไม่สามารถไปถึงจุดนั้นได้
ปรับมุมมอง เปลี่ยนความคิด
เนื่องจากการทำระบบอัตโนมัตินี้ ไม่ต้องการวันหยุดพักผ่อน ไม่ต้องการสวัสดิการและบริหารจัดการ
ง่ายเพราะไม่ตั้งคำถามอะไร ต้นทุนทางธุรกิจก็จะลดลงไปเป็นอย่างมาก
พนักงานทั้งหลายควรกลับมาคิดถึงอาชีพที่ทำอยู่ปัจจุบันว่า จะไปในทิศทางใด
refer ; www.g-able.com